top of page
F759AEF073862CEDE6A440EFCAB246CC90E908A6.jpeg

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำโปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าและยกคิ้ว
ฉบับปี 2025 !!!

อายุที่เพิ่มมากขึ้นนำมาซึ่งปัญหาความหย่อนคล้อย โดยเฉพาะผิวหนังบนใบหน้าและบริเวณลำคอที่หย่อนลงส่งผลให้หน้าผากย่น คิ้วไม่ยก หางตาตก ทำให้ดูมีอายุ ไม่สดใส อ่อนเพลีย โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าผากและคิ้วจึงเป็นการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยให้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม 

โปรแกรม​ผ่าตัดดึงหน้าผากและคิ้ว

โปรแกรมการศัลยกรรมดึงหน้าผากและคิ้วเป็นการผ่าตัดยกหนังหน้าผากและคิ้วขึ้นไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยใช้การผ่าตัดหนังศีรษะส่วนเกินและตัดแต่งกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผากและหัวคิ้ว การผ่าตัดนี้สามารถยกคิ้วและดึงหน้าผากให้ตึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก่อให้เกิดแผลเป็นขนาดยาวตามแนวที่คาดผม ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน และมักมีอาการชาบริเวณกระหม่อมตามมา

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift
ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าคืออะไร?

โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าหรือที่เรียกว่า "การเสริมความงามใบหน้า" (โปรแกรมFacelift) เป็นหัตถการทางศัลยกรรมตกแต่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดเลือนริ้วรอยและทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยทั่วไปแล้วมีขั้นตอนดังนี้:

  1. การยกกล้ามเนื้อและผิวหนังบริเวณใบหน้าและลำคอ

  2. การกำจัดไขมันส่วนเกิน

  3. การปรับโครงสร้างของใบหน้าให้กระชับขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้คือการลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง และทำให้รูปหน้าดูเรียวขึ้น

ศัลยกรรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย  เป็นการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงและต้องการการพักฟื้น จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

โปรแกรมการผ่าตัดดึงหน้าคือดึงส่วนไหนแก้ปัญหาอะไร?

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

1. การยกกระชับหน้าผาก (โปรแกรม Forehead Lift)

- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก รอยย่นบนหน้าผาก และหางตาหย่อน ซึ่งอาจส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ต้องเลิกคิ้วบ่อยๆ การใช้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังบริเวณนี้มากเกินไปเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดริ้วรอยถาวร

2. การปรับโครงหน้าส่วนบนและเขตขมับ (โปรแกรม Upper Facelift/Temporal Lift)

- ช่วยแก้ไขปัญหาหางตาตก สายตาดูเศร้า และโหนกแก้มที่เริ่มหย่อน ผลลัพธ์คือใบหน้าดูสดใสขึ้น ลดเลือนรอยตีนกาและริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ใบหน้าส่วนบนดูกระชับและมีชีวิตชีวามากขึ้น

3. การยกกระชับใบหน้าส่วนกลางและล่าง (โปรแกรม Lower Facelift)

- ช่วยลดความลึกของร่องแก้มและร่องข้างปาก ทำให้โครงหน้าส่วนล่างดูตึงกระชับและถูกยกขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ามีรูปทรงเป็นตัว V ที่ดูอ่อนเยาว์

4. การปรับโครงสร้างลำคอ (โปรแกรม Neck Lift)

- ช่วยเพิ่มความตึงกระชับให้กับผิวบริเวณคอ ลดความหย่อนคล้อยและเหนียงใต้คาง เพื่อให้ลำคอดูสอดคล้องกลมกลืนกับใบหน้าส่วนอื่นที่ได้รับการปรับปรุง

รู้ทันสาเหตุ ความหย่อนคล้อยของใบหน้า

  1. กระบวนการชราภาพตามธรรมชาติ

    • การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงตามอายุ ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น

    • ชั้นไขมันใต้ผิวหนังบางลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย

  2. แรงโน้มถ่วงของโลก

    • มีผลต่อเนื้อเยื่อทุกส่วนของร่างกาย รวมถึงใบหน้า ทำให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อหย่อนลงตามกาลเวลา

  3. การสูญเสียมวลกระดูก

    • โครงสร้างกระดูกใบหน้าเสื่อมลงตามวัย ทำให้ใบหน้าดูแบนและหย่อนคล้อย

  4. ปัจจัยด้านพันธุกรรม

    • บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม

  5. ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

    • การสูบบุหรี่ มลภาวะ และรังสี UV จากแสงแดด เร่งกระบวนการเสื่อมของผิว

  6. การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว

    • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือการเพิ่มน้ำหนักสลับกันบ่อยๆ ทำให้ผิวหย่อนคล้อย

  7. ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

    • ส่งผลต่อการฟื้นฟูเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอ่อนล้าและหย่อนคล้อยเร็วขึ้น

  8. การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

    • ขาดการบำรุงผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว อาจเร่งการเสื่อมของผิว

ใครที่เหมาะกับโปรแกรมผ่าตัดดึงหน้า

ใบหน้าที่เหมาะสมสำหรับโปรแกรมผ่าตัดดึงหน้า

มักมีลักษณะดังต่อไปนี้

1. มีความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่ชัดเจน

ผิวหนังบริเวณแก้มและขากรรไกรเริ่มหย่อนลงมา มีรอยพับชัดเจนจากจมูกถึงมุมปาก (ร่องแก้ม)

2. มีริ้วรอยลึกบนใบหน้า

โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และปาก

3. โครงหน้าเปลี่ยนแปลง

ใบหน้าส่วนล่างดูไม่เรียว หรือมีเหนียงใต้คาง โหนกแก้มดูแบนลงหรือหย่อนต่ำลง

4. ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นพอสมควร

ไม่บางหรือเหี่ยวย่นมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร

5. สุขภาพโดยรวมแข็งแรง

ไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการผ่าตัด

6. อายุที่เหมาะสม

โดยทั่วไปเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-70 ปีอย่างไรก็ตาม อายุไม่ใช่ข้อจำกัดเสมอไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

7. มีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล

เข้าใจว่าการผ่าตัดจะช่วยปรับปรุงรูปลักษณ์ แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าโดยสิ้นเชิง

8. ไม่สูบบุหรี่หรือสามารถหยุดสูบได้

การสูบบุหรี่อาจส่งผลต่อการหายของแผลและผลลัพธ์ของการผ่าตัด

9. มีเวลาพักฟื้นเพียงพอ

การฟื้นตัวหลังผ่าตัดอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์

10. ไม่มีปัญหาผิวหนังรุนแรง

เช่น โรคผิวหนังอักเสบหรือการติดเชื้อเรื้อรัง

" 1. โปรแกรมการดึงหน้าผาก ยกคิ้ว ยกหางตา "

เทคนิคที่ 1 โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าผากเปิดแผลตามแนวไรผม (Hair Line)

 

เป็นการผ่าตัดดึงยกรอยย่นบริเวณหน้าผากขึ้นไป และทำการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินของผิวหน้าผากออก จึงทำการเย็บปิดแผลใหม่ให้ซ่อนตามแนวไรผม (Hair Line) เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่หน้าผากกว้าง และมีความต้องการให้หน้าผากแคบลง

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

เทคนิคที่ 2 โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าผาก (Endotine) 

ศัลยกรรมยกกระชับหน้าผากด้วยเทคโนโลยี Endotine เป็นนวัตกรรมการผ่าตัดที่ใช้กล้องส่องขนาดจิ๋ว (Endoscopic) เข้าถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง วิธีนี้ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อ Endotine ซึ่งมีคุณสมบัติย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื่อ และไม่ทิ้งสารแปลกปลอมไว้ในร่างกาย แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กมาก โดยมีเพียง 3-4 จุดบริเวณไรผมเหนือศีรษะ ทั้งด้านบนและด้านข้าง ทำให้แทบไม่เห็นร่องรอยการผ่าตัดเมื่อแผลหายสนิท

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

" 2. โปรแกรมดึงใบหน้าส่วนบนและหางตา "

เป็นทางเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา (หรือที่เรียกว่ารอยตีนกา) และภาวะคิ้วหย่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นทางด้านข้าง ปัญหาเหล่านี้มักพบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงวัย เทคนิคการผ่าตัดนี้ช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าส่วนบน

โดยมีจุดประสงค์หลักคือ: ช่วยยกระดับคิ้วให้โค้งสวยงาม 
ทำให้หางตาดูคมเฉียบขึ้นและช่วยยกกระชับผิวบริเวณใบหน้าส่วนบนทั้งหมด

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

เปิดแผลผ่าตัดที่ไรผม โปรแกรม foxy eyes ยกหางตา

 

การผ่าตัดยกหางตาแบบ โปรแกรม "Foxy Eyes" เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรูปตาที่ดูคมเฉียบและยาวขึ้น ต่อไปนี้คือรายละเอียดของวิธีการนี้:

  1. ตำแหน่งแผลผ่าตัด

    • แพทย์จะทำการเปิดแผลบริเวณไรผมด้านข้างศีรษะ ใกล้กับหางคิ้ว

    • แผลมีขนาดเล็กและถูกซ่อนอยู่ในเส้นผม ทำให้แทบไม่สังเกตเห็นหลังการหายสนิท

  2. เทคนิคการผ่าตัด

    • ใช้การดึงผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณหางตาและหางคิ้วขึ้นไปทางด้านข้างและบน

    • อาจมีการปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเพื่อให้ผลลัพธ์คงทนยาวนานขึ้น

  3. ผลลัพธ์ที่ได้

    • หางตายกสูงขึ้น ทำให้ดวงตาดูยาวและเรียวขึ้น

    • ลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณหางตาและหางคิ้ว

    • สร้างลุคที่ดูคมเฉียบ เสริมเสน่ห์ให้ใบหน้า

" 3. โปรแกรมดึงใบหน้าส่วนกลางและล่าง "

การปรับโครงสร้างใบหน้าส่วนกลางและล่าง เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนังที่ครอบคลุมตั้งแต่บริเวณใต้ตาลงมาจนถึงแก้ม โดยมุ่งเน้นที่เปลือกตาล่าง ร่องใต้ตา และบริเวณร่องแก้ม โดยเทคนิคการผ่าตัด จะใช้วิธียกและยึดผิวหนังในตำแหน่งใหม่ ตำแหน่งแผลผ่าตัด แผลจะถูกซ่อนไว้ในจุดที่สังเกตได้ยาก ลดความกังวลเรื่องรอยแผลเป็นที่มองเห็นได้บนใบหน้าด้านตรง

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

เทคนิคที่ 1 โปรแกรมการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (โปรแกรม Mini facelift)

  1. ตำแหน่งแผลผ่าตัด

    • ทำการเปิดแผลขนาดเล็กทั้งสองข้างของใบหน้า

    • แผลเริ่มจากบริเวณขมับลงมาถึงขอบด้านบนของใบหู

  2. เทคนิคการผ่าตัด

    • ศัลยแพทย์จะแยกชั้นใต้ผิวหนังลงไปถึงบริเวณใบหน้าส่วนล่าง

    • มุ่งเน้นที่ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

  3. การปรับโครงสร้าง

    • ยกและดึงชั้น SMAS ให้อยู่ในตำแหน่งใหม่ที่กระชับขึ้น

    • เย็บยึดเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่ยกขึ้น

  4. การจัดการผิวหนังส่วนเกิน

    • ตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินออกอย่างระมัดระวัง

วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยมีแผลผ่าตัดน้อยและการฟื้นตัว

ที่รวดเร็วกว่าการผ่าตัดแบบเต็มรูปแบบ

เทคนิคที่ 2 โปรแกรมการผ่าตัดแบบดึงทั้งหน้า (โปรแกรม Full face lift)

"โปรแกรม Full Facelift" เป็นวิธีการที่ครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด มีรายละเอียดดังนี้

  1. ขอบเขตการผ่าตัด

    • ครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า ตั้งแต่หน้าผากจนถึงลำคอ

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยมาก

  2. เทคนิคการผ่าตัด

    • เริ่มจากการเปิดแผลบริเวณขมับ ต่อเนื่องไปตามแนวหน้าหูและหลังหู

    • แยกชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังลงไปถึงชั้น SMAS

  3. การปรับโครงสร้างใบหน้า

    • ยกและปรับตำแหน่งของชั้น SMAS

    • ดึงผิวหนังให้ตึงขึ้นในทุกส่วนของใบหน้า

  4. การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่

    • อาจใช้อุปกรณ์เสริม เช่น Endotine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเนื้อเยื่อ

  5. การจัดการผิวส่วนเกิน

    • ตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินออกอย่างระมัดระวัง

    • ปรับแต่งให้เข้ากับโครงสร้างใบหน้าใหม่

  6. การปิดแผล

    • ใช้เทคนิคการเย็บแผลแบบพิเศษเพื่อลดการเกิดรอยแผลเป็น

    • ซ่อนรอยแผลไว้ตามแนวเส้นผมและรอยพับธรรมชาติของใบหน้า

  7. ระยะเวลาการผ่าตัด

    • ใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน

  8. การฟื้นตัว

    • ต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์

    • อาการบวมและช้ำอาจคงอยู่นานถึง 2-3 เดือน

  9. ผลลัพธ์

    • ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานที่สุดในบรรดาวิธีการยกกระชับใบหน้าทั้งหมด

    • สามารถแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยได้อย่างครอบคลุม

" 4. โปรแกรมผ่าตัดดึงคอ "

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

โปรแกรม "Neck Lift" เป็นวิธีการปรับปรุงรูปลักษณ์ของลำคอและบริเวณใต้คาง

มีรายละเอียดดังนี้:

  1. จุดประสงค์หลัก

    • แก้ไขปัญหาผิวหนังคอหย่อนคล้อย

    • ลดเหนียงหรือไขมันใต้คาง

    • ปรับปรุงแนวกรามให้ชัดเจนขึ้น

  2. วิธีการผ่าตัด

    • เปิดแผลขนาดเล็กใต้คางและ/หรือหลังหู

    • แยกชั้นผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

    • ปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อคอ (Platysma)

  3. เทคนิคเฉพาะ

    • อาจใช้วิธีดูดไขมันร่วมด้วยในกรณีที่มีไขมันใต้คางมาก

    • ยกและตึงกล้ามเนื้อ Platysma เพื่อสร้างแนวคอที่ชัดเจน

  4. การจัดการผิวหนัง

    • ตัดแต่งผิวหนังส่วนเกินออก

    • ดึงผิวหนังให้ตึงขึ้นให้ดูเป็นธรรมชาติ

  5. การปิดแผล

    • ใช้เทคนิคเย็บแผลแบบละเอียด เพื่อลดการเกิดรอยแผลเป็น

    • ซ่อนแผลไว้ในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ยาก

  6. ระยะเวลาการผ่าตัด

    • ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

  7. การฟื้นตัว

    • พักฟื้นเบื้องต้นประมาณ 1-2 สัปดาห์

    • อาจมีอาการบวมและช้ำในช่วงแรก

  8. ผลลัพธ์

    • เห็นผลชัดเจนหลังจากอาการบวมลดลง (ประมาณ 1-2 เดือน)

    • ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น

  9. ข้อควรพิจารณา

    • มักทำร่วมกับการยกกระชับใบหน้าเพื่อผลลัพธ์ที่กลมกลืน

    • เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเฉพาะบริเวณคอและใต้คาง

การดูแลตัวเองหลังศัลยกรรม

  • หลังผ่าตัดเสร็จให้ประคบเย็นอย่างน้อย 48 – 72 ชั่วโมง ระมัดระวังอย่าให้โดนแผลโดยตรง ควรประคบบริเวณรอบๆแผล เพื่อลดอาการบวมช้ำ หลังจากนั้นประคบต่อเนื่องไปอีก 3 วัน และค่อยเปลี่ยนเป็นประคบเย็นในช่วงตอนกลางคืนประมาณ 1-2 สัปดาห์หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล ห้ามแผลโดนน้ำ หรือโดนกระแทกบริเวณใบหน้าและลำคอ เป็นเวลา 7 วัน

  • นอนศีรษะให้สูงเพื่อช่วยลดอาการบวมเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์

  • ควรทำความสะอาดแผลทุกวัน โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือซับเบาๆบริเวณแผล

  • ใส่ที่ผ้ารัดหน้าหลังจากทำศัลยกรรมอย่างน้อย 3-5 วัน เพื่อช่วยพยุงแผลจากภายนอกอีกทาง หลังจากนั้นใช้ผ้ารัดเฉพาะกลางคืนต่อเป็นเวลา 1 เดือน

  • งดรับประทานอาหารรสจัด ของหมักดอง อาหารทะเล อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ วิตามินและอาหารเสริม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นเวลาอย่างน้อย

  • งดกิจกรรม การออกกำลังกายทุกชนิด ที่จะทำให้กระทบกระเทือนแผล ประมาณ 2อาทิตย์

  • ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

ดึงหน้า ย้อนวัย facelift

รวมคำถามยอดฮิต
เกี่ยวกับโปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าไว้ที่นี่แล้ว!!!

1. โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้าเหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?

  • โดยทั่วไปเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป แต่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

2. การผ่าตัดใช้เวลานานแค่ไหน?

  • ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-5 ชั่วโมง

3. ต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?

  • การพักฟื้นเบื้องต้นใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่อาการบวมอาจคงอยู่นานถึง 2-3 เดือน

4. จะเห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่?

  • ผลลัพธ์เบื้องต้นจะเห็นได้หลังจากอาการบวมลดลง ประมาณ 2-3 สัปดาห์ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายอาจใช้เวลาถึง 3-6 เดือน

5. ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหน?

  • โดยเฉลี่ยประมาณ 7-10 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและปัจจัยอื่นๆ

6. มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

  • ความเสี่ยงอาจรวมถึงการติดเชื้อ เลือดออก ชา หรือความไม่สมมาตรของใบหน้า แต่พบได้น้อยหากทำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง

7. จะมีแผลเป็นหรือไม่?

  • แพทย์จะพยายามซ่อนแผลไว้ตามแนวเส้นผมหรือรอยพับธรรมชาติของใบหน้า ทำให้แทบไม่สังเกตเห็น

8. สามารถทำร่วมกับศัลยกรรมอื่นได้หรือไม่?

  • ได้ มักทำร่วมกับการทำตา จมูก หรือโปรแกรมโบท็อกซ์ , โปรแกรมฟิลเลอร์ และโปรแกรมฉีดไขมัน

9. ต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนผ่าตัด?

  • หยุดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงยาบางชนิด และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

10. หลังผ่าตัดต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

  • พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลแผล

ปรึกษาแพทย์ persona clinic
bottom of page