ศัลยกรรมถุงใต้ตา
ถุงใต้ตาปัญหาที่ทำให้แก่เกินวัย
การทำศัลยกรรมถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) คืออะไร?
การทำศัลยกรรมถุงใต้ตา หรือ Lower Blepharoplasty เป็นหนึ่งในกระบวนการทางศัลยกรรมตกแต่งบริเวณดวงตา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัดถุงใต้ตาและเนื้อเยื่อส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูสดชื่น อ่อนวัยและมีชีวิตชีวามากขึ้น
ความหมายของการทำศัลยกรรมถุงใต้ตา คือการผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงใต้ตาและไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตา โดยแพทย์จะทำการเปิดผิวหนังบริเวณรอยพับใต้ดวงตา จากนั้นกำจัดถุงใต้ตาและไขมันส่วนเกิน ก่อนที่จะเย็บปิดแผลอย่างประณีตเพื่อให้ซ่อนรอยแผลเป็นให้มองแถบไม่เห็นอีกที
วัตถุประสงค์หลักของการทำศัลยกรรมนี้คือ
1. เพื่อกำจัดถุงใต้ตาที่ทำให้ดูเหนื่อยล้าและอายุมากกว่าที่เป็นจริง
2.เพื่อลดปริมาณไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกินใต้ดวงตา ซึ่งทำให้ดูหนักและคล้ำ
3.เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์บริเวณใต้ดวงตาให้ดูสดใส กระจ่างแจ่มใส อ่อนวัยขึ้น
4.เพิ่มความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น
การทำศัลยกรรมถุงใต้ตาจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลบรอยเหนื่อยล้าและทำให้ดวงตาดูกระจ่างแจ่มใส ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูสดชื่น อ่อนวัย และมีชีวิตชีวามากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา
เกิดจากอะไรบ้าง
⭐️สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตามีหลายประการดังนี้⭐️
1. อายุที่มากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณใต้ดวงตาจะค่อยๆ หย่อนคล้อย
ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนนุ่มและไขมันส่วนเกินงอกออกมารวมตัวกันเป็นถุงใต้ตา
2. พันธุกรรมบางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้มีถุงใต้ตามาแต่กำเนิด หรือเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย
3. การนอนไม่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดถุงใต้ตาและรอยคล้ำบริเวณรอบดวงตาได้
4. สภาพแวดล้อม การได้รับแสงแดด ควันบุหรี่ มลภาวะ ภูมิแพ้ การ ขยี้ตาบ่อยๆ
ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเสื่อมสภาพและเกิดถุงใต้ตาได้ง่ายขึ้น
5.โรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ เบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดการคั่งของน้ำและบวมน้ำบริเวณรอบดวงตาจนเกิดเป็นถุงใต้ตา
การรักษาถุงใต้ตา มีวิธีอะไรบ้าง
การรักษาถุงใต้ตามีหลายวิธี ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการผ่าตัดดังนี้
วิธีการไม่ผ่าตัด
-
การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินเค และเรตินอยด์ เพื่อช่วยลดการบวมและจุดด่างดำ
-
การนวดบริเวณรอบดวงตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
-
การพักผ่อนให้เพียงพอ และงดสารกระตุ้นเช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์
-
การรักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการบวมและสีคล้ำ
-
การฉีดสารเติมเต็มบริเวณใต้ดวงตา เพื่อเติมเนื้อเยื่อให้ดูเต่งตึง
วิธีการผ่าตัด
-
Lower Blepharoplasty หรือการผ่าตัดถุงใต้ตาโดยกำจัดถุงไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกิน
-
Lower Blepharoplasty พร้อมการย้ายไขมัน
-
โดยกำจัดไขมันส่วนเกิน แล้วนำไขมันบางส่วนมาฝังไว้เพื่อเติมเต็มร่องใต้ดวงตา
-
Lower Blepharoplasty พร้อมการผ่าตัดหนังตาล่างส่วนเกิน เพื่อดึงหนังตาที่หย่อนคล้อยให้กระชับ
สำหรับการผ่าตัดรักษาถุงใต้ตาหลักๆ
มีด้วยกันอยู่ 2 วิธีดังนี้
1.การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านนอก (Transcutaneous Lower Blepharoplasty)
เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาถุงใต้ตาขนาดใหญ่จากการหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา กระบวนการผ่าตัดจะเริ่มจากการกรีดรอยตัดเล็กๆ บริเวณรอยพับผิวหนังใต้ดวงตา จากนั้นจะทำการเปิดชั้นกล้ามเนื้อเพื่อเข้าถึงบริเวณไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกิน นำสิ่งเหล่านั้นออกไป พร้อมกระชับกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้น หลังจากนั้นแพทย์จะเย็บปิดรอยแผล ซึ่งต้องใช้ความละเอียดและประสบการณ์สูง แม้ว่าหลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านใน แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นในระยะเวลาต่อมา ดวงตาและใบหน้าของคุณจะดูสดใส กระจ่างแจ่มใส และอ่อนวัยกว่าก่อนหน้ามาก การผ่าตัดวิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการกำจัดถุงใต้ตาขนาดใหญ่และคืนความอ่อนวัยให้แก่ดวงหน้าของตนเอง
2.การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านใน (Transconjunctival Lower Blepharoplasty)
เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุยังน้อยและมีปัญหาไขมันหรือเนื้อเยื่อใต้ดวงตาปูดบวมออกมา แต่ผิวหนังบริเวณดังกล่าวยังไม่หย่อนคล้อยมากนัก โดยแพทย์จะเริ่มกระบวนการผ่าตัดด้วยการเปิดรอยแผลเล็กๆ ที่เยื่อบุตาด้านใน เพื่อเข้าถึงและตัดกำจัดเฉพาะไขมันหรือเนื้อเยื่อส่วนเกินออกไป หลังจากนั้น แพทย์จะทำการจัดเรียงและกระจายไขมันที่เหลืออยู่ให้กระจายตัวอย่างเหมาะสม เพื่อเติมเต็มบริเวณร่องหรือรอยบุ๋มใต้ดวงตา ทำให้บริเวณใต้ดวงตาดูเต่งตึง
เรียบเนียน และไม่มีลักษณะบวมปูดอีกต่อไป เทคนิคการผ่าตัดแบบนี้จะทำให้รอยแผลซ่อนอยู่ภายในเปลือกตาด้านล่าง จึงมองไม่เห็นรอยแผลเด่นชัดและไม่เป็นที่สังเกตได้ง่าย
นอกจากนี้ การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านในยังมีข้อดีในแง่ของอาการบวมและปวดแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านนอก ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับผลลัพธ์ดวงตาที่สดใส กระจ่างแจ่มใส และอ่อนวัยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
และอีกหนึ่งวิธีที่ใช้วิธีการผ่าตัดรวมกับการฉีดไขมันหรือการเติมสารเติมเต็ม
การรักษาแบบผสมผสาน การรวมการผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) กับการฉีดไขมันหรือสารเติมเต็มบริเวณรอบดวงตา เป็นเทคนิควิธีการที่นิยมทำร่วมกันมากขึ้นในปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. ผ่าตัดถุงใต้ตา: เพื่อกำจัดถุงไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตาที่ทำให้ดูหนักตา อายุมากกว่าที่เป็นจริง
2. ฉีดไขมันหรือสารเติมเต็ม: หลังกำจัดถุงใต้ตาแล้ว บางรายอาจมีรอยบุ๋มหรือร่องลึกบริเวณใต้ดวงตาเกินไป จึงต้องมีการฉีดไขมันหรือสารเติมเต็มเข้าไปเพื่อเติมเต็มให้ใบหน้าดูเต่งตึง กระชับ และเรียบเนียนมากขึ้น
วิธีการฉีดไขมันบริเวณรอบดวงตานั้น แพทย์จะดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกาย
ผู้ป่วยเอง นำมาผ่านกระบวนการกรองและเตรียมให้บริสุทธิ์ ก่อนฉีดกลับเข้าไปบริเวณรอบดวงตาตามต้องการ เทคนิคนี้เรียกว่า การฉีดไขมันเติมเต็ม
(Fat Transfer/Grafting)
สำหรับการฉีดสารเติมเต็ม จะใช้สารเติมเต็มจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์ชนิดต่างๆ ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid, Calcium Hydroxyapatite เป็นต้น
ฉีดบริเวณผิวหนังรอบดวงตาที่ต้องการเติมให้เต็มเป็นรูปทรงที่สวยงาม
การรวมผสมเทคนิคทั้งสองวิธีจะทำให้ได้ผลลัพธ์การผ่าตัดถุงใต้ตาที่ดีที่สุด ดวงตาดูกระจ่างแจ่มใส ไม่มีรอยบุ๋มหรือร่องรอยลึก ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยและมีมิติมากขึ้น
ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตา
(Lower Blepharoplasty) มีดังนี้
1. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
· ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสม
· งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
· หยุดรับประทานยาบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์
เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
2. ระหว่างผ่าตัด
· ได้รับยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ก่อนทำการผ่าตัด
· แพทย์จะกรีดรอยตัดขนาดเล็กบริเวณรอยพับผิวหนังใต้ดวงตา หรือที่เยื่อบุตาด้านใน
· กำจัดถุงไขมัน เนื้อเยื่อส่วนเกิน และปรับปรุงสภาพกล้ามเนื้อบริเวณใต้ดวงตา
· เย็บปิดรอยแผลอย่างประณีตด้วยเทคนิคพิเศษ
· ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 1-3 ชั่วโมง ขึ้นกับความซับซ้อน
และหลังจากได้รับการหลังผ่าตัดถุงใต้ตาไปแล้ว การดูแลหลังผ่าตัดก็มีความสำคัญมากเช่นกัน โดยมีแนวทางดูแลดังนี้ค่ะ
ระยะเวลาฟื้นตัว
-
อาการบวมและช้ำจะปรากฏในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัดและค่อยๆ ลดลงในสัปดาห์ที่ 2
-
การบวมอาจคงอยู่นานถึง 2-4 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
-
ผลลัพธ์สมบูรณ์และเห็นได้ชัดเจนหลังผ่านไป 6-12 สัปดาห์
การดูแลช่วงฟื้นตัว
-
งดออกแรงมากเกินไปในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องก้มหน้า
-
นอนหมอนสูงหรือนอนตะแคงเพื่อลดการไหลเวียนเลือดมารวมที่ใบหน้า
-
ประคบน้ำแข็งบริเวณรอบดวงตาเป็นระยะๆ เพื่อลดการบวม
-
รับประทานยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม ตามคำแนะนำของแพทย์
-
ใช้น้ำเกลือล้างแผลให้สะอาด งดโดนน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
-
หลีกเลี่ยงการใช้แป้งฝุ่นหรือเครื่องสำอางบนบริเวณแผลจนกว่าจะหายสนิท
-
งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อไม่กระตุ้นให้เกิดเลือดออก
-
หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด อาจใส่แว่นกันแดดป้องกันแสงจ้า
-
รักษาสภาพผิวให้ชุ่มชื้นด้วยครีมบำรุงผิวหนังรอบดวงตาหลังจากแผลผ่าตัดหายสนิทดี
10. พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัด
FAQ รวบรวมคำถามและคำตอบที่พบบ่อย
เกี่ยวกับศัลยกรรมถุงใต้ตา
1. ใครบ้างที่ควรทำศัลยกรรมถุงใต้ตา?
- ผู้ที่มีถุงใต้ตาโดยกำเนิด หรือเกิดจากการสูงวัยหรือปัจจัยอื่นๆ
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ ที่ถาวร ไม่ต้องคอยมาฉีด สารเติมเต็มหรือ ฉีดไขมันซ้ำ
- ผู้ที่ต้องการมีดวงตาที่ดูกระจ่างแจ่มใส สดชื่น อ่อนวัยขึ้น
2.การผ่าตัดถุงใต้ตาทำได้หรือไม่หากมีโรคประจำตัว?
- ควรปรึกษาและขอความเห็นจากแพทย์ก่อน บางโรคอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการผ่าตัด
3.อายุเท่าไหร่ที่เหมาะสมจะทำศัลยกรรมถุงใต้ตา?
- ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่แนะนำตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้สูงอายุอาจต้องทำร่วมกับการดึงผิวหน้าและตาเพิ่มเติม
4.ต้องพักฟื้นนานเท่าไรหลังผ่าตัดถุงใต้ตา?
- พักฟื้นที่บ้านได้ทันทีหลังผ่าตัด
- พักงานประมาณ 7-10 วัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก 2-4 สัปดาห์
- ใช้เวลาฟื้นตัวสมบูรณ์ถึง 6-12 สัปดาห์
5.การผ่าตัดถุงใต้ตามีความเสี่ยงหรือไม่?
- มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อย เช่น บวม ช้ำ คลื่นไส้ คันแผลแต่สามารถป้องกันและรักษาได้
6. ผลลัพธ์ในการศัลยกรรมเปลือกตาล่างจะอยู่คงทนนานเท่าใด?
- ไขมันใต้ตาจะถูกกำจัดอย่างถาวร ส่วนผิวหนังจะหย่อนคล้อยไปตามวัย
7. รอยแผลจากการผ่าตัด สามารถเห็นได้ชัดเจนหรือไม่?
- ช่วงแรกอาจเห็นรอยจาง ๆ แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวและหายไปในที่สุด
8.สามารถทำศัลยกรรมเปลือกตาล่างไปพร้อมกันกับศัลยกรรมตาสองชั้นได้หรือไม่?
- สามารถทำได้ ไม่มีปัญหา