top of page
2124D634AEC2EEAAC6B5BBA1FDE66AE71C9DD520.jpeg

 ศัลยกรรมถุงใต้ตา

ถุงใต้ตาปัญหาที่ทำให้แก่เกินวัย 

การทำศัลยกรรมถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) คืออะไร?

การทำศัลยกรรมถุงใต้ตา หรือ Lower Blepharoplasty เป็นหนึ่งในกระบวนการทางศัลยกรรมตกแต่งบริเวณดวงตา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัดถุงใต้ตาและเนื้อเยื่อส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งจะช่วยให้ใบหน้าดูสดชื่น อ่อนวัยและมีชีวิตชีวามากขึ้น

ความหมายของการทำศัลยกรรมถุงใต้ตา คือการผ่าตัดเพื่อกำจัดถุงใต้ตาและไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตา โดยแพทย์จะทำการเปิดผิวหนังบริเวณรอยพับใต้ดวงตา จากนั้นกำจัดถุงใต้ตาและไขมันส่วนเกิน ก่อนที่จะเย็บปิดแผลอย่างประณีตเพื่อให้ซ่อนรอยแผลเป็นให้มองแถบไม่เห็นอีกที

วัตถุประสงค์หลักของการทำศัลยกรรมนี้คือ

1. เพื่อกำจัดถุงใต้ตาที่ทำให้ดูเหนื่อยล้าและอายุมากกว่าที่เป็นจริง

2.เพื่อลดปริมาณไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกินใต้ดวงตา ซึ่งทำให้ดูหนักและคล้ำ

3.เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์บริเวณใต้ดวงตาให้ดูสดใส กระจ่างแจ่มใส อ่อนวัยขึ้น

4.เพิ่มความมั่นใจและบุคลิกภาพที่ดีขึ้น

การทำศัลยกรรมถุงใต้ตาจึงเป็นวิธีหนึ่งในการลบรอยเหนื่อยล้าและทำให้ดวงตาดูกระจ่างแจ่มใส ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูสดชื่น อ่อนวัย และมีชีวิตชีวามากขึ้น

สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตา
เกิดจากอะไรบ้าง

⭐️สาเหตุที่ทำให้เกิดถุงใต้ตามีหลายประการดังนี้⭐️

1. อายุที่มากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณใต้ดวงตาจะค่อยๆ หย่อนคล้อย

ทำให้เนื้อเยื่ออ่อนนุ่มและไขมันส่วนเกินงอกออกมารวมตัวกันเป็นถุงใต้ตา​

2. พันธุกรรมบางคนมีพันธุกรรมที่ทำให้มีถุงใต้ตามาแต่กำเนิด หรือเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย​

3. การนอนไม่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้เกิดถุงใต้ตาและรอยคล้ำบริเวณรอบดวงตาได้​

4. สภาพแวดล้อม การได้รับแสงแดด ควันบุหรี่ มลภาวะ ภูมิแพ้ การ ขยี้ตาบ่อยๆ

ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาเสื่อมสภาพและเกิดถุงใต้ตาได้ง่ายขึ้น​

5.โรคประจำตัว เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ เบาหวาน ซึ่งทำให้เกิดการคั่งของน้ำและบวมน้ำบริเวณรอบดวงตาจนเกิดเป็นถุงใต้ตา

การรักษาถุงใต้ตา มีวิธีอะไรบ้าง

การรักษาถุงใต้ตามีหลายวิธี ทั้งการรักษาแบบไม่ผ่าตัดและการผ่าตัดดังนี้

 วิธีการไม่ผ่าตัด

  1. การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินเค และเรตินอยด์ เพื่อช่วยลดการบวมและจุดด่างดำ

  2. การนวดบริเวณรอบดวงตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต

  3. การพักผ่อนให้เพียงพอ และงดสารกระตุ้นเช่น คาเฟอีน แอลกอฮอล์

  4. การรักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดการบวมและสีคล้ำ

  5. การฉีดสารเติมเต็มบริเวณใต้ดวงตา เพื่อเติมเนื้อเยื่อให้ดูเต่งตึง

วิธีการผ่าตัด

  1.  Lower Blepharoplasty หรือการผ่าตัดถุงใต้ตาโดยกำจัดถุงไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกิน

  2.  Lower Blepharoplasty พร้อมการย้ายไขมัน

  3. โดยกำจัดไขมันส่วนเกิน แล้วนำไขมันบางส่วนมาฝังไว้เพื่อเติมเต็มร่องใต้ดวงตา

  4.  Lower Blepharoplasty พร้อมการผ่าตัดหนังตาล่างส่วนเกิน เพื่อดึงหนังตาที่หย่อนคล้อยให้กระชับ

สำหรับการผ่าตัดรักษาถุงใต้ตาหลักๆ
มีด้วยกันอยู่ 2 วิธีดังนี้

1.การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านนอก (Transcutaneous Lower Blepharoplasty)

เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาถุงใต้ตาขนาดใหญ่จากการหย่อนคล้อยของผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา กระบวนการผ่าตัดจะเริ่มจากการกรีดรอยตัดเล็กๆ บริเวณรอยพับผิวหนังใต้ดวงตา จากนั้นจะทำการเปิดชั้นกล้ามเนื้อเพื่อเข้าถึงบริเวณไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกิน นำสิ่งเหล่านั้นออกไป พร้อมกระชับกล้ามเนื้อให้กระชับขึ้น หลังจากนั้นแพทย์จะเย็บปิดรอยแผล ซึ่งต้องใช้ความละเอียดและประสบการณ์สูง แม้ว่าหลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมและช้ำมากกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านใน แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นในระยะเวลาต่อมา  ดวงตาและใบหน้าของคุณจะดูสดใส กระจ่างแจ่มใส และอ่อนวัยกว่าก่อนหน้ามาก การผ่าตัดวิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้สูงวัยที่ต้องการกำจัดถุงใต้ตาขนาดใหญ่และคืนความอ่อนวัยให้แก่ดวงหน้าของตนเอง

2.การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านใน (Transconjunctival Lower Blepharoplasty)

เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุยังน้อยและมีปัญหาไขมันหรือเนื้อเยื่อใต้ดวงตาปูดบวมออกมา แต่ผิวหนังบริเวณดังกล่าวยังไม่หย่อนคล้อยมากนัก โดยแพทย์จะเริ่มกระบวนการผ่าตัดด้วยการเปิดรอยแผลเล็กๆ ที่เยื่อบุตาด้านใน เพื่อเข้าถึงและตัดกำจัดเฉพาะไขมันหรือเนื้อเยื่อส่วนเกินออกไป หลังจากนั้น แพทย์จะทำการจัดเรียงและกระจายไขมันที่เหลืออยู่ให้กระจายตัวอย่างเหมาะสม เพื่อเติมเต็มบริเวณร่องหรือรอยบุ๋มใต้ดวงตา ทำให้บริเวณใต้ดวงตาดูเต่งตึง

เรียบเนียน และไม่มีลักษณะบวมปูดอีกต่อไป เทคนิคการผ่าตัดแบบนี้จะทำให้รอยแผลซ่อนอยู่ภายในเปลือกตาด้านล่าง จึงมองไม่เห็นรอยแผลเด่นชัดและไม่เป็นที่สังเกตได้ง่าย

นอกจากนี้ การผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านในยังมีข้อดีในแง่ของอาการบวมและปวดแผลน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านนอก ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างรวดเร็ว พร้อมรับผลลัพธ์ดวงตาที่สดใส กระจ่างแจ่มใส และอ่อนวัยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

และอีกหนึ่งวิธีที่ใช้วิธีการผ่าตัดรวมกับการฉีดไขมันหรือการเติมสารเติมเต็ม

 

การรักษาแบบผสมผสาน การรวมการผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower Blepharoplasty) กับการฉีดไขมันหรือสารเติมเต็มบริเวณรอบดวงตา เป็นเทคนิควิธีการที่นิยมทำร่วมกันมากขึ้นในปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

 

1. ผ่าตัดถุงใต้ตา: เพื่อกำจัดถุงไขมันและเนื้อเยื่อส่วนเกินบริเวณใต้ดวงตาที่ทำให้ดูหนักตา อายุมากกว่าที่เป็นจริง

2. ฉีดไขมันหรือสารเติมเต็ม: หลังกำจัดถุงใต้ตาแล้ว บางรายอาจมีรอยบุ๋มหรือร่องลึกบริเวณใต้ดวงตาเกินไป จึงต้องมีการฉีดไขมันหรือสารเติมเต็มเข้าไปเพื่อเติมเต็มให้ใบหน้าดูเต่งตึง กระชับ และเรียบเนียนมากขึ้น

 

วิธีการฉีดไขมันบริเวณรอบดวงตานั้น แพทย์จะดูดไขมันจากบริเวณอื่นของร่างกาย

ผู้ป่วยเอง นำมาผ่านกระบวนการกรองและเตรียมให้บริสุทธิ์ ก่อนฉีดกลับเข้าไปบริเวณรอบดวงตาตามต้องการ เทคนิคนี้เรียกว่า การฉีดไขมันเติมเต็ม

(Fat Transfer/Grafting)

สำหรับการฉีดสารเติมเต็ม จะใช้สารเติมเต็มจากธรรมชาติหรือสารสังเคราะห์ชนิดต่างๆ ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย เช่น Hyaluronic Acid, Calcium Hydroxyapatite เป็นต้น

ฉีดบริเวณผิวหนังรอบดวงตาที่ต้องการเติมให้เต็มเป็นรูปทรงที่สวยงาม

 

การรวมผสมเทคนิคทั้งสองวิธีจะทำให้ได้ผลลัพธ์การผ่าตัดถุงใต้ตาที่ดีที่สุด ดวงตาดูกระจ่างแจ่มใส ไม่มีรอยบุ๋มหรือร่องรอยลึก ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนวัยและมีมิติมากขึ้น

ขั้นตอนการผ่าตัดถุงใต้ตา
(Lower Blepharoplasty) มีดังนี้

1. การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

· ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพร่างกายและความเหมาะสม

· งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์

· หยุดรับประทานยาบางชนิดตามคำแนะนำของแพทย์

เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด

2. ระหว่างผ่าตัด

· ได้รับยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ก่อนทำการผ่าตัด

· แพทย์จะกรีดรอยตัดขนาดเล็กบริเวณรอยพับผิวหนังใต้ดวงตา หรือที่เยื่อบุตาด้านใน

· กำจัดถุงไขมัน เนื้อเยื่อส่วนเกิน และปรับปรุงสภาพกล้ามเนื้อบริเวณใต้ดวงตา

· เย็บปิดรอยแผลอย่างประณีตด้วยเทคนิคพิเศษ

· ระยะเวลาผ่าตัดประมาณ 1-3 ชั่วโมง ขึ้นกับความซับซ้อน

และหลังจากได้รับการหลังผ่าตัดถุงใต้ตาไปแล้ว การดูแลหลังผ่าตัดก็มีความสำคัญมากเช่นกัน โดยมีแนวทางดูแลดังนี้ค่ะ

ระยะเวลาฟื้นตัว

  • อาการบวมและช้ำจะปรากฏในช่วง 2-3 วันแรกหลังผ่าตัดและค่อยๆ ลดลงในสัปดาห์ที่ 2

  • การบวมอาจคงอยู่นานถึง 2-4 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

  • ผลลัพธ์สมบูรณ์และเห็นได้ชัดเจนหลังผ่านไป 6-12 สัปดาห์

การดูแลช่วงฟื้นตัว

  1. งดออกแรงมากเกินไปในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก หลีกเลี่ยงการยกของหนัก ออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องก้มหน้า

  2. นอนหมอนสูงหรือนอนตะแคงเพื่อลดการไหลเวียนเลือดมารวมที่ใบหน้า

  3. ประคบน้ำแข็งบริเวณรอบดวงตาเป็นระยะๆ เพื่อลดการบวม

  4. รับประทานยาแก้ปวด ยาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม  ตามคำแนะนำของแพทย์

  5. ใช้น้ำเกลือล้างแผลให้สะอาด งดโดนน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

  6. หลีกเลี่ยงการใช้แป้งฝุ่นหรือเครื่องสำอางบนบริเวณแผลจนกว่าจะหายสนิท

  7. งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อไม่กระตุ้นให้เกิดเลือดออก

  8. หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งที่มีแสงแดดจัด อาจใส่แว่นกันแดดป้องกันแสงจ้า

  9. รักษาสภาพผิวให้ชุ่มชื้นด้วยครีมบำรุงผิวหนังรอบดวงตาหลังจากแผลผ่าตัดหายสนิทดี

 10. พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องร่างกายกำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัด

FAQ รวบรวมคำถามและคำตอบที่พบบ่อย
เกี่ยวกับศัลยกรรมถุงใต้ตา

1. ใครบ้างที่ควรทำศัลยกรรมถุงใต้ตา?

- ผู้ที่มีถุงใต้ตาโดยกำเนิด หรือเกิดจากการสูงวัยหรือปัจจัยอื่นๆ

- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ ที่ถาวร ไม่ต้องคอยมาฉีด สารเติมเต็มหรือ ฉีดไขมันซ้ำ

- ผู้ที่ต้องการมีดวงตาที่ดูกระจ่างแจ่มใส สดชื่น อ่อนวัยขึ้น

2.การผ่าตัดถุงใต้ตาทำได้หรือไม่หากมีโรคประจำตัว?

- ควรปรึกษาและขอความเห็นจากแพทย์ก่อน บางโรคอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการผ่าตัด

3.อายุเท่าไหร่ที่เหมาะสมจะทำศัลยกรรมถุงใต้ตา?

- ไม่มีข้อจำกัดด้านอายุที่แน่นอน แต่ส่วนใหญ่แนะนำตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป

- ผู้สูงอายุอาจต้องทำร่วมกับการดึงผิวหน้าและตาเพิ่มเติม

4.ต้องพักฟื้นนานเท่าไรหลังผ่าตัดถุงใต้ตา?

- พักฟื้นที่บ้านได้ทันทีหลังผ่าตัด

- พักงานประมาณ 7-10 วัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก 2-4 สัปดาห์

- ใช้เวลาฟื้นตัวสมบูรณ์ถึง 6-12 สัปดาห์

5.การผ่าตัดถุงใต้ตามีความเสี่ยงหรือไม่?

- มีความปลอดภัยสูงเมื่อทำโดยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง

- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนเล็กน้อย เช่น บวม ช้ำ คลื่นไส้ คันแผลแต่สามารถป้องกันและรักษาได้

6. ผลลัพธ์ในการศัลยกรรมเปลือกตาล่างจะอยู่คงทนนานเท่าใด?

- ไขมันใต้ตาจะถูกกำจัดอย่างถาวร ส่วนผิวหนังจะหย่อนคล้อยไปตามวัย


7. รอยแผลจากการผ่าตัด สามารถเห็นได้ชัดเจนหรือไม่?

- ช่วงแรกอาจเห็นรอยจาง ๆ แต่จะค่อยๆ ฟื้นตัวและหายไปในที่สุด

8.สามารถทำศัลยกรรมเปลือกตาล่างไปพร้อมกันกับศัลยกรรมตาสองชั้นได้หรือไม่?

- สามารถทำได้ ไม่มีปัญหา

bottom of page