top of page
1D5AE07BBE4DE573F8E7B29E37E85AF043A64989.jpeg

       ในยุคที่การดูแลความงามและการชะลอวัยกำลังเป็นที่นิยม ฟิลเลอร์ (Filler) ได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้า เพิ่มปริมาตร หรือปรับรูปทรงให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกาย ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น ทำให้ผู้คนจำนวนมากหันมาเลือกวิธีนี้เพื่อเสริมความมั่นใจและรักษาความอ่อนเยาว์ของใบหน้า

Filler คืออะไร ?

          ฟิลเลอร์ (Filler) คือสารเติมเต็มทางการแพทย์ที่ใช้ในวงการความงามและศัลยกรรมเสริมความงาม โดยมีจุดประสงค์หลักในการเติมเต็ม ปรับแต่งรูปร่าง และแก้ไขริ้วรอยบนใบหน้าและร่างกาย​​​ ฟิลเลอร์มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) ที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย สามารถดูดซับน้ำได้ดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและสลายตัวได้ตามธรรมชาติ

Blue Modern Medical Service LinkedIn Article Cover Image-10.png

Filler เหมาะกับใครบ้าง ?

  • คนไข้ที่มีร่องลึก เช่น เบ้าตาล่าง ร่องแก้ม อันเกิดจากการยุบตัวของกระดูกและสลายของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

  • คนไข้ที่มีหน้าผากแบน ขมับตอบลึก สามารถฉีดฟิลเลอร์สร้างวอลลุ่มหน้าผากได้

  • คนไข้ที่ต้องการเสริมคาง ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

  • เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องริมฝีปากให้เอิ่บอิ่ม

  • คนไข้ที่ต้องการให้ใบหน้าอิ่มน้ำ ชะลอการเกิดริ้วรอยและเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ

  • คนที่ต้องการแก้ปัญหาหลุมสิวแบบเร่งด่วน

  • คนที่ต้องการปรับรูปหน้าในบางจุดแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม

Filler เติมจุดไหนได้บ้าง ?

  1. ฟิลเลอร์หน้าฝาก เพื่อเพิ่มวอลลุ่มของหน้าผากให้โหนกนูนขึ้นสมส่วน

  2. ฟิลเลอร์ขมับ ฉีดเติมเต็มขมับจึงทำให้ใบหน้าดูละมุน และมีมิติขึ้น

  3. ฟิลเลอร์ใต้ตา ลดรอยคล้ำดำของผิวใต้ตา ร่องลึกกลับมามีวอลลุ่ม ใต้ตาฟูขึ้น

  4. ฟิลเลอร์จมูก แพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณนี้ เพราะมีเส้นเลือดที่สำคัญ มีความเสี่ยงในการเกิดเส้นเลือดอุดตันได้สูง

  5. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยทำให้ผิวที่คล้อยและเป็นร่องลึกกลับมาเต็มและเต่งตึงอีกครั้ง

  6. ฟิลเลอร์ปาก ทำให้ปากอวบอิ่ม ยกมุมปากให้เป็นรูปทรงที่สวยขึ้น

  7. ฟิลเลอร์คาง แก้ปัญหาคางตัด คางสั้น คางทู่ คางถอยหลัง ปรับรูปหน้าให้เรียวเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละรุ่น อยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการความงามและศัลยกรรมเสริมความงามในประเทศไทย มีแบรนด์ฟิลเลอร์หลายแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและมีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่:

  • Juvéderm (จูวิเดิร์ม)

    • ผลิตจากกรดไฮยาลูโรนิค (HA) แบบครอสลิงค์

    • มีหลายสูตรสำหรับการใช้งานต่างๆ เช่น เติมริมฝีปาก แก้ไขริ้วรอย

    • ให้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน 6-18 เดือน

  • Restylane (เรสทิเลน) 

    • ใช้เทคโนโลยี NASHA ในการผลิตกรดไฮยาลูโรนิค

    • มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยลึกและการเพิ่มปริมาตร

    • ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

  • Teosyal (ทีโอเซียล) 

    • ผลิตจากกรดไฮยาลูโรนิคบริสุทธิ์

    • มีหลายความเข้มข้นสำหรับการใช้งานต่างๆ

    • เน้นการให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

  • Belotero (เบโลเทโร) 

    • ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix)

    • เหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยละเอียดและบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยน

    • ผสมกลมกลืนกับเนื้อเยื่อได้ดี

  • E.P.T.Q (อีพีทีคิว)

    • ใช้เทคโนโลยี 2CM (Two Crosslinking Method Technology) ในการ Cross-linking โมเลกุลของไฮยาลูรอนิกแอซิด

    • สารไฮยาลูรอนิก แอซิดที่มีความเข้มข้นสูง 24 mg./ml.

    • ฟิลเลอร์ e.p.t.q. จะมีรุ่นที่ผ่าน อย.ไทย 3 รุ่น ได้แก่  e.p.t.q. S100, e.p.t.q. S300 และ e.p.t.q. S500

    • แต่ละรุ่นจะมีความต่างกันทั้งในเรื่องของโมเลกุล ลักษณะของเนื้อเจล ความนิ่ม ความแข็ง ความหนัก-เบา ความยืดหยุ่น การยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้สามารถเลือกใช้แก้ปัญหาต่างๆบนใบหน้าได้หลากหลายและเหมาะสม

  • Neuramis (นิวรามิส)

    • ใช้เทคโนโลยี SHAPE Technology ในการผลิต ทำให้มีความบริสุทธิ์สูง

    • ประเภทของ Neuramis:

      • Neuramis Deep: สำหรับแก้ไขริ้วรอยลึกและเพิ่มปริมาตร

      • Neuramis Volume: เหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรบริเวณกว้าง

      • Neuramis Light: สำหรับริ้วรอยตื้นและบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยน

  • Revolax (รีโวแลค)

    • ใช้เทคโนโลยี HICE (Highly Intermolecular Cross-linking Environment) ในการผลิต

    • ประเภทของ Revolax:

      • Revolax Fine: สำหรับริ้วรอยตื้นและบริเวณที่ต้องการความอ่อนโยน

      • Revolax Deep: สำหรับแก้ไขริ้วรอยปานกลางถึงลึก

      • Revolax Sub-Q: สำหรับการเพิ่มปริมาตรและแก้ไขริ้วรอยลึก

    • ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 9-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของ Revolax และบริเวณที่ฉีด

วิธีสังเกตฟิลเลอร์ของแท้

การดูฟิลเลอร์ของแท้เป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยมีวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์ของแท้ดังต่อไปนี้

  1. แหล่งที่มา:

    • ซื้อจากคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองเท่านั้น

    • หลีกเลี่ยงการซื้อจากแหล่งไม่น่าเชื่อถือหรือราคาถูกผิดปกติ

  2. บรรจุภัณฑ์:

    • ตรวจสอบความสมบูรณ์ของกล่องและซีล

    • ดูรายละเอียดบนกล่อง เช่น ชื่อผลิตภัณฑ์ ปริมาณ วันหมดอายุ

    • ฟิลเลอร์ของแท้มักมีฉลากที่ชัดเจนและมีข้อมูลครบถ้วน

  3. หมายเลขล็อต (Lot Number) และวันหมดอายุ:

    • ตรวจสอบว่ามีการระบุหมายเลขล็อตและวันหมดอายุชัดเจน

    • สามารถใช้ข้อมูลนี้ตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตได้

  4. ลักษณะของหลอดฉีด:

    • ฟิลเลอร์ของแท้มักบรรจุในหลอดฉีดที่มีคุณภาพสูง

    • ตรวจสอบความคมชัดของตัวอักษรบนหลอดฉีด

    • สังเกตลักษณะของก้านฉีดและเข็มว่ามีคุณภาพดี

  5. ลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์:

    • ฟิลเลอร์ควรใสไม่มีสี (ยกเว้นบางชนิดที่อาจมีสีเฉพาะ)

    • ไม่ควรมีตะกอนหรือสิ่งแปลกปลอม

  6. เอกสารรับรอง:

    • ฟิลเลอร์ของแท้ควรมีเอกสารรับรองมาตรฐาน เช่น CE Mark หรือ FDA

    • ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเหล่านี้

  7. QR Code หรือระบบตรวจสอบออนไลน์:

    • บางแบรนด์มี QR Code หรือระบบตรวจสอบออนไลน์

    • สแกนหรือใช้ระบบนี้เพื่อยืนยันความถูกต้องของผลิตภัณฑ์

  8. สอบถามแพทย์หรือคลินิก:

    • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรสามารถแสดงผลิตภัณฑ์และอธิบายรายละเอียดได้

    • สอบถามเกี่ยวกับแหล่งที่มาและการรับรองของผลิตภัณฑ์

  9. ราคา:

    • ระวังฟิลเลอร์ราคาถูกผิดปกติ

    • ฟิลเลอร์คุณภาพดีมักมีราคาที่สมเหตุสมผลตามมาตรฐานตลาด

  10. ตรวจสอบกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรง:

    • หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อบริษัทผู้ผลิตเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผลิตภัณฑ์

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม

การฉีดฟิลเลอร์โดยทั่วไปถือว่าค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้

ด้านความปลอดภัย:

  • การรับรองมาตรฐาน: ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ผ่านการรับรองจากองค์กรด้านความปลอดภัย เช่น FDA หรือ CE Mark

  • สารที่ใช้: ฟิลเลอร์ที่นิยมใช้ เช่น กรดไฮยาลูโรนิค (HA) มีความเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์

  • ความชั่วคราว: ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่สลายตัวได้ตามธรรมชาติ ทำให้ลดความเสี่ยงในระยะยาว

  • การแก้ไขได้: ในกรณีของ HA filler สามารถฉีดสารสลาย (hyaluronidase) เพื่อแก้ไขได้หากเกิดปัญหา

ความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น:

  • ผลข้างเคียงทั่วไป:

    • การบวม รอยช้ำ หรือรอยแดง (มักหายภายใน 1-2 สัปดาห์)

    • อาการเจ็บหรือคัน

  • การติดเชื้อ:

    • มีโอกาสเกิดการติดเชื้อหากไม่ได้ทำในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ

  • การแพ้:

    • บางคนอาจแพ้ส่วนประกอบในฟิลเลอร์

  • การอุดตันของเส้นเลือด:

    • อาจเกิดขึ้นได้หากฉีดเข้าเส้นเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดเลือดของเนื้อเยื่อ

  • การเกิดก้อน:

    • อาจเกิดก้อนหรือความไม่เรียบใต้ผิวหนัง

  • ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง:

    • อาจเกิดความไม่สมมาตรหรือการแก้ไขมากเกินไป

  • ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง (พบได้น้อยมาก):

    • การตาบอด (หากฉีดเข้าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตา)

    • การเน่าของเนื้อเยื่อ

  • ปัญหาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม:

    • อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ

 

การลดความเสี่ยง:

  1. เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ควรทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง

  2. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน: เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองและมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

  3. ประเมินความเหมาะสม: ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าเหมาะสมกับการทำฟิลเลอร์หรือไม่

  4. ทำความเข้าใจความเสี่ยง: ศึกษาข้อมูลและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจ

  5. ดูแลหลังการรักษา: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดหลังการรักษา

โดยสรุป การฉีดฟิลเลอร์มีทั้งข้อดีและความเสี่ยง แม้จะถือว่าค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ การตัดสินใจควรผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

Blue Modern Medical Service LinkedIn Article Cover Image-11.png

ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดใช้ปริมาณกี่ซีซี ?

S__14467218.jpg

ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละจุดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งที่ฉีด ผลลัพธ์ที่ต้องการ และสภาพผิวของผู้รับการรักษา โดยมีปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ในแต่ละบริเวณมีดังนี้

  • ริมฝีปาก: 

    • ริมฝีปากบน: 0.5 - 1 ซีซี 

    • ริมฝีปากล่าง: 0.5 - 1 ซีซี

    • มุมปาก: 0.2 - 0.5 ซีซี ต่อข้าง

  • แก้ม:

    • ร่องแก้ม (Nasolabial folds): 1 - 2 ซีซี ต่อข้าง

    • โหนกแก้ม: 1 - 2 ซีซี ต่อข้าง

  • ตา:

    • ใต้ตา (Tear trough): 0.5 - 1 ซีซี ต่อข้าง

    • หางตา: 0.2 - 0.5 ซีซี ต่อข้าง

  • คาง:

    • ปลายคาง: 1 - 2 ซีซี

  • ขมับ: 1 - 2 ซีซี ต่อข้าง

  • หน้าผาก: 1 - 2 ซีซี

  • ร่องขากรรไกร (Marionette lines): 0.5 - 1 ซีซี ต่อข้าง

โปรดทราบว่าปริมาณเหล่านี้เป็นเพียงค่าเฉลี่ยทั่วไป การรักษาจริงอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล โดยมีปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ได้แก่:

  • อายุของผู้รับการรักษา

  • สภาพผิวและโครงสร้างใบหน้า

  • ระดับความลึกของริ้วรอย

  • ผลลัพธ์ที่ต้องการ

  • ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุด

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับโปรแกรมฟิลเลอร์

  • ก่อนการรักษา 1-2 สัปดาห์:

    • หลีกเลี่ยงการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน, อิบูโพรเฟน

    • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    • หลีกเลี่ยงอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา, วิตามินอี, กระเทียม ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำ

  • ก่อนการรักษา 1 สัปดาห์:

    • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือ Alpha Hydroxy Acids (AHAs)

    • งดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้าอื่นๆ เช่น เลเซอร์, การลอกผิว

  • วันก่อนการรักษา:

    • ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด ไม่แต่งหน้า

    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

  • วันที่รับการรักษา:

    • ไม่แต่งหน้า

    • สวมเสื้อผ้าที่สบาย

    • มาถึงคลินิกก่อนเวลานัดเล็กน้อยเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย

    • แจ้งแพทย์หากมีการเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพหรือการใช้ยาใดๆ

  • ข้อควรระวังทั่วไป:

    • แจ้งแพทย์หากมีประวัติแพ้ยาหรือสารใดๆ

    • หากมีแผลเปิดหรือการติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด ควรเลื่อนการรักษาออกไป

    • หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับการรักษา

การปฏิบัติตัวหลังเข้ารับโปรแกรมฟิลเลอร์

  • วันที่ฉีดฟิลเลอร์:

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด

    • ใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการบวม (ห่อน้ำแข็งด้วยผ้าสะอาด ประคบครั้งละ 10-15 นาที)

    • นอนศีรษะสูงในคืนแรกเพื่อลดอาการบวม

    • งดการออกกำลังกายหนักๆ

  • 24-48 ชั่วโมงแรก:

    • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณที่ฉีด

    • งดการดื่มแอลกอฮอล์

    • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรืออบซาวน่า

    • ไม่ควรนอนคว่ำ

  • 1 สัปดาห์แรก:

    • หลีกเลี่ยงการนวดหน้าหรือทำทรีตเมนต์ใบหน้า

    • งดการออกกำลังกายที่หนักเกินไป

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป

    • งดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol หรือ Alpha Hydroxy Acids (AHAs)

  • การดูแลผิวทั่วไป:

    • ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน

    • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

    • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

  • สิ่งที่ควรสังเกต:

    • อาการบวมเล็กน้อยและรอยช้ำเป็นเรื่องปกติ ควรหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์

    • หากมีอาการผิดปกติ เช่น บวมมาก, เจ็บรุนแรง, ผิวเปลี่ยนสี ให้ติดต่อแพทย์ทันที

  • การนัดติดตามผล:

    • ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

    • หากต้องการเพิ่มเติมฟิลเลอร์ ควรรอให้ครบ 2 สัปดาห์หลังการฉีดครั้งแรก

ผลลัพธ์หลังการรักษาโปรแกรมฟิลเลอร์

New
รีวิวคุณแอม
ฟิลเลอร์คางใหม่
บิ้วตี้
ริวิวฟิลเลอร์เดือน-3.2
ริวิวฟิลเลอร์เดือน-3
ริวิวฟิลเลอร์เดือน-3.3
รีวิวฟิลเลอร์เดือน4
รีวิวฟิลเลอร์เดือน4.4
รีวิวฟิลเลอร์เดือน4.2
รีวิวฟิลเลอร์เดือน4.3
ขมับ
รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา.jpg4546645
รีวิวฟิลเลอร์แพร
bottom of page