top of page
BE06EFF84400F5CEE856D4886C44FC0FC65E69E1.jpeg

โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา

ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ หรือด้วยอายุที่มากขึ้น ล้วนสามารถส่งผลให้ใต้ตาของคุณดูหมองคล้ำ ไม่สดใส หรือเกิดริ้วรอย ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับดวงตาได้ 

โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา:

  • เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณใต้ตา

  • สารที่ใช้มักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)

โดยกลไกการทำงาน:

  • เพิ่มปริมาตร: ฟิลเลอร์จะเติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึกหรือหลุมใต้ตา

  • ดูดซับน้ำ: กรดไฮยาลูโรนิกมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

เป้าหมายของการใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา:

  • ลดเลือนร่องลึกใต้ตา (tear trough)

  • บรรเทารอยคล้ำใต้ตา

  • ลดความหมองคล้ำและริ้วรอย

  • ทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น

ประโยชน์ของการโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา

1. ลดรอยคล้ำใต้ตา

  • โปรแกรมฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มปริมาตรใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดใต้ตาที่มองเห็นได้จางลง

  • ช่วยลดความหมองคล้ำที่เกิดจากเงาของร่องลึกใต้ตา

2.  เติมเต็มร่องลึกใต้ตา (Tear trough)

  • แก้ไขปัญหาร่องลึกระหว่างโหนกแก้มกับใต้ตา

  • ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดชื่นขึ้น

3.  ลดริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา

  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา

  • ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

4.  เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

  • กรดไฮยาลูโรนิกในฟิลเลอร์ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวหนัง

  • ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีขึ้น

5.  แก้ไขปัญหาถุงใต้ตา

  • ช่วยลดการปูดนูนของถุงใต้ตาโดยการเติมเต็มบริเวณรอบๆ

  • ทำให้รอยต่อระหว่างถุงใต้ตากับแก้มดูกลมกลืนขึ้น

6. ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

  • ช่วยลดลักษณะของความเหนื่อยล้าและอายุที่มากขึ้น

  • ทำให้ใบหน้าดูสดใสและกระปรี้กระเปร่าขึ้น

7.  เพิ่มความมั่นใจ

  • การปรับปรุงลักษณะรอบดวงตาสามารถส่งผลดีต่อความมั่นใจ

  • ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเอง

8.  การฟื้นตัวที่รวดเร็ว

  • ใช้เวลาทำน้อยและฟื้นตัวเร็ว

  • สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที

9.  ผลลัพธ์ที่ปรับแต่งได้

  • สามารถปรับแต่งปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

  • หากไม่พอใจ สามารถแก้ไขหรือย้อนกลับได้

ใครบ้างที่เหมาะสมสำหรับการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตานี้

1.  ผู้ที่มีร่องลึกใต้ตา (Tear trough)

  • คนที่มีร่องลึกชัดเจนระหว่างเบ้าตาล่างกับแก้ม

2.  ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตา

  • คนที่มีรอยคล้ำใต้ตาที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น ครีมทาหรือการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ

3.  ผู้ที่มีผิวบางบริเวณใต้ตา

  • คนที่มีผิวบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ตาชัดเจน

4.  ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาเล็กน้อย

  • คนที่มีถุงใต้ตาที่ไม่รุนแรงมาก สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมเต็มบริเวณรอบๆ

5.  ผู้ที่ต้องการดูอ่อนเยาว์ขึ้น

  • คนที่รู้สึกว่าบริเวณรอบดวงตาทำให้ตนดูแก่กว่าวัย

6.  ผู้ที่มีความคาดหวังที่เหมาะสม

  • คนที่เข้าใจข้อจำกัดของการรักษาและมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล

7.  ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

  • เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวและผลลัพธ์ของการรักษา

8.  ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป

  • โดยทั่วไป แนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากปัญหาใต้ตามักเริ่มปรากฏชัดในช่วงวัยนี้

9. ผู้ที่ไม่มีประวัติแพ้สารที่ใช้ในโปรแกรมฟิลเลอร์

  • โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่แพ้กรดไฮยาลูโรนิก

IMG_9259
IMG_9264
IMG_9265
IMG_9266
IMG_9261
IMG_9274
IMG_9258

ขั้นตอนของโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา

  1. การปรึกษาและวางแผนการรักษา

    • พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและความต้องการ

    • วางแผนการรักษาที่เหมาะสม

  2. การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ

    • ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอางออกให้หมด

    • ถ่ายภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์

  3. การใช้ยาชาเฉพาะที่

    • ใช้ร่วมกับยาชาบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความเจ็บปวด

  4. การทำความสะอาดผิวหนัง

    • ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด

  5. การใช้โปรแกรมฟิลเลอร์

    • แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กหรือแคนนูลา (cannula) ในการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์

    • ใช้ในหลายจุดและระดับความลึกต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

  6. การนวดและปรับแต่ง

    • แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อกระจายโปรแกรมฟิลเลอร์ให้สม่ำเสมอ

    • ปรับแต่งรูปทรงให้เป็นธรรมชาติ

  7. การประคบเย็น

    • ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมและช้ำ

  8. การตรวจสอบผลลัพธ์

    • แพทย์จะตรวจสอบความสมมาตรและความเป็นธรรมชาติ

    • อาจเพิ่มเติมโปรแกรมฟิลเลอร์ในบางจุดหากจำเป็น

  9. การให้คำแนะนำหลังทำหัตถการ

    • แพทย์จะอธิบายวิธีดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ

    • แจ้งอาการที่อาจเกิดขึ้นและวิธีจัดการ

  10. การนัดติดตามผล

    • นัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

โดยทั่วไป หัตถการนี้ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละกรณี
ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังทำหัตถการ

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  1. ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักหายได้เอง)

    • รอยช้ำหรือจ้ำเลือด: มักหายภายใน 1-2 สัปดาห์

    • อาการบวม: อาจคงอยู่ 3-7 วัน

    • อาการแดง: มักหายภายใน 1-2 วัน

    • ความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อย หายภายในไม่กี่วัน

  2. ผลข้างเคียงที่พบน้อยกว่า

    • การติดเชื้อ: เสี่ยงต่ำมากหากทำในสภาพแวดล้อมที่สะอาด

    • การเกิดก้อนหรือปุ่มใต้ผิวหนัง: อาจเกิดจากการฉีดที่ไม่สม่ำเสมอ

    • อาการแพ้: พบได้น้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก

  3. ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้ยากมาก)

    • การอุดตันของเส้นเลือด: อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นในกรณีที่รุนแรงที่สุด

    • การเกิดแผลเป็นหรือการเปลี่ยนสีของผิวหนัง

ข้อควรระวัง

  1. ตรวจสอบว่าจะเป็นแพทย์จริง : เช็คได้จากเว็บไซต์แพทย์สภา 

  2. แจ้งประวัติการแพ้ : ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ยาหรือสารใดๆ แก่แพทย์

  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด : งดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาต้านการอักเสบก่อนทำหัตถการ

  4. งดแอลกอฮอล์ : ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนและหลังทำหัตถการ

  5. ระวังการสัมผัส : หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรกหลังทำหัตถการ

  6. สังเกตอาการผิดปกติ : หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที

  7. ทำความเข้าใจข้อจำกัด : เข้าใจว่าผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์แบบและอาจต้องทำซ้ำ

  8. ระวังการใช้ร่วมกับทรีตเมนต์อื่น : ปรึกษาแพทย์ก่อนทำทรีตเมนต์อื่นๆ บริเวณใกล้เคียง

การดูแลหลังทำหัตถการ

  1. ประคบเย็น

    • ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นเย็นประคบเป็นระยะในวันแรก

    • ประคบครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง

  2. นอนหนุนหมอนสูง

    • นอนหนุนหมอนสูงในคืนแรกเพื่อลดอาการบวม

  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัส

    • ไม่นวดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1-2 วัน

  4. งดออกกำลังกายหนัก

    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง

  5. ป้องกันแสงแดด

    • หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 1 สัปดาห์

    • ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ

  6. หลีกเลี่ยงความร้อน

    • งดอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 1-2 วัน

7. งดแอลกอฮอล์

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง

8. ใช้เครื่องสำอางอย่างระมัดระวัง

  • งดใช้เครื่องสำอางในวันแรก เมื่อใช้ให้ทาเบาๆ และล้างออกอย่างนุ่มนวล

9. สังเกตอาการผิดปกติ

  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม หรือแดงมากผิดปกติ ให้แจ้งแพทย์ทันที

10. ติดตามผล

  • ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา

11. ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง

  • หากแพทย์จ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาอื่นๆ ให้ใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

รวมมาให้แล้ว!!!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา

Q: โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?

A: โดยทั่วไปเจ็บน้อยมาก เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ อาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยระหว่างทำหัตถการ

 

Q: โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC. ?

A: ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนและการประเมินของแพทย์ ปริมาณโดยเฉลี่ยของคนทั่วไป อยู่ที่ 1-2 cc ขึ้นไป หากมีปัญหาใต้ตาหนักและมีปัญหาหน้าแก้มทรุดด้วย แพทย์อาจจะแนะนำให้เติมโปรแกรมฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้มเพิ่มไปด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน 

Q: ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?

A: โดยเฉลี่ยประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล

 

Q: จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหรือไม่?

A: ใช่ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นชัดเจนหลังจากอาการบวมลดลงในเวลา 1-2 สัปดาห์

 

Q: มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

A: ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ รอยช้ำ บวม แดง และในกรณีที่พบน้อยมากอาจเกิดการติดเชื้อหรือการอุดตันของเส้นเลือด

 

Q: ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?

A: ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปทำงานได้ทันที แต่อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันแรก

 

Q:โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับทุกคนหรือไม่?

   A: ไม่เสมอไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกใต้ตาหรือปัญหารอยคล้ำ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันส่วนเกิน

 

Q: สามารถแก้ไขผลลัพธ์ได้หรือไม่หากไม่พอใจ?

A: ใช่ โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิกสามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์พิเศษหากไม่พอใจกับผลลัพธ์

 

Q: ต้องทำการบำรุงรักษาพิเศษหรือไม่?

A: ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาพิเศษ แต่ควรปกป้องผิวจากแสงแดดและใช้ครีมบำรุงผิวตามปกติ

 

Q: สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำหัตถการหรือไม่?

A: ควรงดการแต่งหน้าในวันแรก และเมื่อเริ่มแต่งหน้าควรทำอย่างนุ่มนวล

 

Q: ต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?

A: โดยทั่วไปแนะนำให้ทำซ้ำทุก 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล

 

Q: มีข้อห้ามในการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาหรือไม่?

A: มีข้อห้ามสำหรับ ผู้มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา

 

Q: สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้หรือไม่?

A: สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

 

Q:โปรแกรม ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหารอยคล้ำได้ทั้งหมดหรือไม่?

A: ไม่เสมอไป โปรแกรมฟิลเลอร์เหมาะสำหรับรอยคล้ำที่เกิดจากเงาของร่องลึก แต่อาจไม่แก้ไขปัญหารอยคล้ำที่เกิดจากเม็ดสีผิว

bottom of page