โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา
ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ มีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ หรือด้วยอายุที่มากขึ้น ล้วนสามารถส่งผลให้ใต้ตาของคุณดูหมองคล้ำ ไม่สดใส หรือเกิดริ้วรอย ซึ่งเราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และเพิ่มความกระจ่างใสให้กับดวงตาได้
โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา:
-
เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในบริเวณใต้ตา
-
สารที่ใช้มักเป็นกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)
โดยกลไกการทำงาน:
-
เพิ่มปริมาตร: ฟิลเลอร์จะเติมเต็มบริเวณที่มีร่องลึกหรือหลุมใต้ตา
-
ดูดซับน้ำ: กรดไฮยาลูโรนิกมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
เป้าหมายของการใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา:
-
ลดเลือนร่องลึกใต้ตา (tear trough)
-
บรรเทารอยคล้ำใต้ตา
-
ลดความหมองคล้ำและริ้วรอย
-
ทำให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
ประโยชน์ของการโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา
1. ลดรอยคล้ำใต้ตา
-
โปรแกรมฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มปริมาตรใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดใต้ตาที่มองเห็นได้จางลง
-
ช่วยลดความหมองคล้ำที่เกิดจากเงาของร่องลึกใต้ตา
2. เติมเต็มร่องลึกใต้ตา (Tear trough)
-
แก้ไขปัญหาร่องลึกระหว่างโหนกแก้มกับใต้ตา
-
ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และสดชื่นขึ้น
3. ลดริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา
-
ช่วยเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณใต้ตา
-
ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
-
กรดไฮยาลูโรนิกในฟิลเลอร์ช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิวหนัง
-
ทำให้ผิวบริเวณใต้ตาดูชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีขึ้น
5. แก้ไขปัญหาถุงใต้ตา
-
ช่วยลดการปูดนูนของถุงใต้ตาโดยการเติมเต็มบริเวณรอบๆ
-
ทำให้รอยต่อระหว่างถุงใต้ตากับแก้มดูกลมกลืนขึ้น
6. ทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
-
ช่วยลดลักษณะของความเหนื่อยล้าและอายุที่มากขึ้น
-
ทำให้ใบหน้าดูสดใสและกระปรี้กระเปร่าขึ้น
7. เพิ่มความมั่นใจ
-
การปรับปรุงลักษณะรอบดวงตาสามารถส่งผลดีต่อความมั่นใจ
-
ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของตนเอง
8. การฟื้นตัวที่รวดเร็ว
-
ใช้เวลาทำน้อยและฟื้นตัวเร็ว
-
สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันที
9. ผลลัพธ์ที่ปรับแต่งได้
-
สามารถปรับแต่งปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
-
หากไม่พอใจ สามารถแก้ไขหรือย้อนกลับได้
ใครบ้างที่เหมาะสมสำหรับการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตานี้
1. ผู้ที่มีร่องลึกใต้ตา (Tear trough)
-
คนที่มีร่องลึกชัดเจนระหว่างเบ้าตาล่างกับแก้ม
2. ผู้ที่มีปัญหารอยคล้ำใต้ตา
-
คนที่มีรอยคล้ำใต้ตาที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น ครีมทาหรือการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ
3. ผู้ที่มีผิวบางบริเวณใต้ตา
-
คนที่มีผิวบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ตาชัดเจน
4. ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาเล็กน้อย
-
คนที่มีถุงใต้ตาที่ไม่รุนแรงมาก สามารถแก้ไขได้ด้วยการเติมเต็มบริเวณรอบๆ
5. ผู้ที่ต้องการดูอ่อนเยาว์ขึ้น
-
คนที่รู้สึกว่าบริเวณรอบดวงตาทำให้ตนดูแก่กว่าวัย
6. ผู้ที่มีความคาดหวังที่เหมาะสม
-
คนที่เข้าใจข้อจำกัดของการรักษาและมีความคาดหวังที่สมเหตุสมผล
7. ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
-
เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวและผลลัพธ์ของการรักษา
8. ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป
-
โดยทั่วไป แนะนำสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป เนื่องจากปัญหาใต้ตามักเริ่มปรากฏชัดในช่วงวัยนี้
9. ผู้ที่ไม่มีประวัติแพ้สารที่ใช้ในโปรแกรมฟิลเลอร์
-
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่แพ้กรดไฮยาลูโรนิก
ขั้นตอนของโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา
-
การปรึกษาและวางแผนการรักษา
-
พบแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและความต้องการ
-
วางแผนการรักษาที่เหมาะสม
-
-
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการ
-
ทำความสะอาดใบหน้า ล้างเครื่องสำอางออกให้หมด
-
ถ่ายภาพก่อนทำเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
-
-
การใช้ยาชาเฉพาะที่
-
ใช้ร่วมกับยาชาบริเวณที่จะฉีดเพื่อลดความเจ็บปวด
-
-
การทำความสะอาดผิวหนัง
-
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีด
-
-
การใช้โปรแกรมฟิลเลอร์
-
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กหรือแคนนูลา (cannula) ในการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์
-
ใช้ในหลายจุดและระดับความลึกต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
-
-
การนวดและปรับแต่ง
-
แพทย์จะนวดเบาๆ เพื่อกระจายโปรแกรมฟิลเลอร์ให้สม่ำเสมอ
-
ปรับแต่งรูปทรงให้เป็นธรรมชาติ
-
-
การประคบเย็น
-
ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นเย็นประคบเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
-
-
การตรวจสอบผลลัพธ์
-
แพทย์จะตรวจสอบความสมมาตรและความเป็นธรรมชาติ
-
อาจเพิ่มเติมโปรแกรมฟิลเลอร์ในบางจุดหากจำเป็น
-
-
การให้คำแนะนำหลังทำหัตถการ
-
แพทย์จะอธิบายวิธีดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ
-
แจ้งอาการที่อาจเกิดขึ้นและวิธีจัดการ
-
-
การนัดติดตามผล
-
นัดหมายเพื่อติดตามผลการรักษาในระยะเวลา 1-2 สัปดาห์
-
โดยทั่วไป หัตถการนี้ใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของแต่ละกรณี
ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับบ้านได้ทันทีหลังทำหัตถการ
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
-
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย (มักหายได้เอง)
-
รอยช้ำหรือจ้ำเลือด: มักหายภายใน 1-2 สัปดาห์
-
อาการบวม: อาจคงอยู่ 3-7 วัน
-
อาการแดง: มักหายภายใน 1-2 วัน
-
ความรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บเล็กน้อย หายภายในไม่กี่วัน
-
-
ผลข้างเคียงที่พบน้อยกว่า
-
การติดเชื้อ: เสี่ยงต่ำมากหากทำในสภาพแวดล้อมที่สะอาด
-
การเกิดก้อนหรือปุ่มใต้ผิวหนัง: อาจเกิดจากการฉีดที่ไม่สม่ำเสมอ
-
อาการแพ้: พบได้น้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก
-
-
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้ยากมาก)
-
การอุดตันของเส้นเลือด: อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นในกรณีที่รุนแรงที่สุด
-
การเกิดแผลเป็นหรือการเปลี่ยนสีของผิวหนัง
-
ข้อควรระวัง
-
ตรวจสอบว่าจะเป็นแพทย์จริง : เช็คได้จากเว็บไซต์แพทย์สภา
-
แจ้งประวัติการแพ้ : ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ยาหรือสารใดๆ แก่แพทย์
-
หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิด : งดใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาต้านการอักเสบก่อนทำหัตถการ
-
งดแอลกอฮอล์ : ควรงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนและหลังทำหัตถการ
-
ระวังการสัมผัส : หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีดในช่วงแรกหลังทำหัตถการ
-
สังเกตอาการผิดปกติ : หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรแจ้งแพทย์ทันที
-
ทำความเข้าใจข้อจำกัด : เข้าใจว่าผลลัพธ์อาจไม่สมบูรณ์แบบและอาจต้องทำซ้ำ
-
ระวังการใช้ร่วมกับทรีตเมนต์อื่น : ปรึกษาแพทย์ก่อนทำทรีตเมนต์อื่นๆ บริเวณใกล้เคียง
การดูแลหลังทำหัตถการ
-
ประคบเย็น
-
ใช้น้ำแข็งหรือแผ่นเย็นประคบเป็นระยะในวันแรก
-
ประคบครั้งละ 10-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
-
-
นอนหนุนหมอนสูง
-
นอนหนุนหมอนสูงในคืนแรกเพื่อลดอาการบวม
-
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัส
-
ไม่นวดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 1-2 วัน
-
-
งดออกกำลังกายหนัก
-
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
-
-
ป้องกันแสงแดด
-
หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 1 สัปดาห์
-
ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ
-
-
หลีกเลี่ยงความร้อน
-
งดอาบน้ำร้อน ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 1-2 วัน
-
7. งดแอลกอฮอล์
-
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง
8. ใช้เครื่องสำอางอย่างระมัดระวัง
-
งดใช้เครื่องสำอางในวันแรก เมื่อใช้ให้ทาเบาๆ และล้างออกอย่างนุ่มนวล
9. สังเกตอาการผิดปกติ
-
หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวด บวม หรือแดงมากผิดปกติ ให้แจ้งแพทย์ทันที
10. ติดตามผล
-
ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษา
11. ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง
-
หากแพทย์จ่ายยาปฏิชีวนะหรือยาอื่นๆ ให้ใช้ตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
รวมมาให้แล้ว!!!
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตา
Q: โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาเจ็บไหม?
A: โดยทั่วไปเจ็บน้อยมาก เนื่องจากมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ อาจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อยระหว่างทำหัตถการ
Q: โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาใช้กี่ CC. ?
A: ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนและการประเมินของแพทย์ ปริมาณโดยเฉลี่ยของคนทั่วไป อยู่ที่ 1-2 cc ขึ้นไป หากมีปัญหาใต้ตาหนักและมีปัญหาหน้าแก้มทรุดด้วย แพทย์อาจจะแนะนำให้เติมโปรแกรมฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้มเพิ่มไปด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและชัดเจน
Q: ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
A: โดยเฉลี่ยประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์และการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคล
Q: จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหรือไม่?
A: ใช่ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะเห็นชัดเจนหลังจากอาการบวมลดลงในเวลา 1-2 สัปดาห์
Q: มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?
A: ความเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ รอยช้ำ บวม แดง และในกรณีที่พบน้อยมากอาจเกิดการติดเชื้อหรือการอุดตันของเส้นเลือด
Q: ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน?
A: ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปทำงานได้ทันที แต่อาจมีรอยช้ำหรือบวมเล็กน้อยในช่วง 1-2 วันแรก
Q:โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับทุกคนหรือไม่?
A: ไม่เสมอไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องลึกใต้ตาหรือปัญหารอยคล้ำ แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาที่เกิดจากไขมันส่วนเกิน
Q: สามารถแก้ไขผลลัพธ์ได้หรือไม่หากไม่พอใจ?
A: ใช่ โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิกสามารถสลายได้ด้วยเอนไซม์พิเศษหากไม่พอใจกับผลลัพธ์
Q: ต้องทำการบำรุงรักษาพิเศษหรือไม่?
A: ไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาพิเศษ แต่ควรปกป้องผิวจากแสงแดดและใช้ครีมบำรุงผิวตามปกติ
Q: สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำหัตถการหรือไม่?
A: ควรงดการแต่งหน้าในวันแรก และเมื่อเริ่มแต่งหน้าควรทำอย่างนุ่มนวล
Q: ต้องทำซ้ำบ่อยแค่ไหน?
A: โดยทั่วไปแนะนำให้ทำซ้ำทุก 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
Q: มีข้อห้ามในการทำโปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาหรือไม่?
A: มีข้อห้ามสำหรับ ผู้มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด หรือมีการติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา
Q: สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้หรือไม่?
A: สามารถทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่นได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
Q:โปรแกรม ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขปัญหารอยคล้ำได้ทั้งหมดหรือไม่?
A: ไม่เสมอไป โปรแกรมฟิลเลอร์เหมาะสำหรับรอยคล้ำที่เกิดจากเงาของร่องลึก แต่อาจไม่แก้ไขปัญหารอยคล้ำที่เกิดจากเม็ดสีผิว